
ศาสนา : รากฐานของอารยธรรม คนยุคใหม่ส่วนใหญ่โดยเฉพาะปัญญาชนคนหัวก้าวหน้ามักจะมองว่าศาสนาคือสิ่งล้าสมัยและไม่มีความจำเป็นสำหรับมนุษย์อีกต่อไปแล้ว เพราะปัจจุบัน วิทยาศาสตร์สามารถจัดเตรียมทุกสิ่งที่มนุษย์ต้องการได้หมดทุกอย่าง และด้วยความเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์ นักวัตถุนิยมทั้งหลายจึงไม่เพียงแต่จะปฏิเสธศาสนาเท่านั้น แต่ยังพยายามที่จะท้าทายทำลายศาสนาเพื่อสถาปนาวิทยาศาสตร์ที่พวกเขาเชื่อมั่นให้กลายเป็นศาสนาสำหรับโลกยุคใหม่ด้วย ก่อนที่มนุษย์จะรู้จักวิทยาศาสตร์ ศาสนาได้มีบทบาทสำคัญต่อชีวิตมนุษย์มาโดยตลอดเพราะคำสอนทางศาสนาคือกฎหมายในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ซึ่งทำหน้าที่จัดระเบียบทางสังคมให้แก่มนุษย์ นอกจากนี้แล้ว คำสอนของศาสนายังเป็นแหล่งความรู้และรากฐานแห่งอารยธรรมของมนุษย์มาโดยตลอด แต่คำสอนของศาสนาเริ่มถูกท้าทายในยุคกลางเมื่อคริสตจักรเรืองอำนาจ พระสันตปาปาหรือโป๊ปคือผู้มีอำนาจสูงสุดจากการอ้างเทวสิทธิ์ในการปกครองอาณาจักรทางโลก โป๊ปมีอำนาจถึงขนาดที่สามารถแต่งตั้งและถอดถอนกษัตริย์คนใดก็ได้ในยุโรป คำสั่งของโป๊ปจึงเหมือนกับประกาศิตและคำสอนของบาทหลวงในคริสตจักรจึงเหมือนกับสัจธรรมศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจล่วงละเมิดได้ ใครที่มีความคิดขัดกับคำสอนของคริสตจักรก็มีโทษเหมือนกับกบฏต่อศาสนาและโทษทัณฑ์ของการท้าทายคำสอนของบาทหลวงแห่งคริสตจักรก็คือการถูกลงโทษอย่างแสนสาหัสหรือไม่ก็ถูกประหารชีวิตหากไม่สารภาพผิดและเปลี่ยนความคิดของตัวเองเสียใหม่ให้สอดคล้องกับคริสตจักร ดังนั้น เมื่อนักวิทยาศาสตร์อย่างนิโคลัส โคเปอร์นิคัส (ค.ศ.1473-1543) และกาลิเลโอ...